WWF สำรวจพบซื้อขาย “งาช้าง” ในจีนลดลง เหลือร้อยละ 8 เพราะเชื่อว่าผิดกฎหมาย

        น.ส.พิมพ์ภาวดี พหลโยธิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย เปิดเผยว่า องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ร่วมกับบริษัทวิจัยระดับโลก GlobeScan สำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคชาวจีนในประเด็นการซื้อขายงาช้าง จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 2,000 คน ใน 15 เมือง ซึ่งเป็นการสำรวจที่จัดทำขึ้นต่อเนื่อง นับตั้งแต่ประเทศจีนประกาศปิดตลาดงาช้าง พบว่าโดยรวมความต้องการซื้องาช้างของคนจีนในประเทศลดลงเรื่อยๆ แต่ยังคงมีกลุ่มสำรวจบางกลุ่มที่ยังคงมีความต้องการในการซื้องาช้างอยู่ แม้ปัจจุบันโควิด-19 จะส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวหยุดชะงักในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยก็ตาม
        ด้านนายเจษฎา ทวีกาญจน์ ผู้จัดการโครงการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ประจำภูมิภาคลุ่มน้ำโขง กล่าวว่า ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงเป็นตลาดซื้องาช้างยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีการเดินทางเป็นประจำและมีการซื้องาช้างระหว่างการเดินทาง แม้ว่า การเกิดโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการเดินทางระหว่างประเทศแต่เรายังคงมีความจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางของการซื้องาช้างมีการเปลี่ยนแปลงและตลาดการซื้อขายงาช้างที่ขับเคลื่อนโดยนักท่องเที่ยวต้องยุติลง และถึงแม้ว่าเกือบ 3 ใน 4 หรือ 73% ของผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่าการนำงาช้างเข้าประเทศจีนเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ยังมีอีก 19% ที่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ทั้งนี้ การลักลอบนำงาช้างกลับเข้าประเทศจีนไม่เพียงแต่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ในการห้ามนำเข้าหรือส่งออกงาช้างโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(อ้างอิง: https://www.thairath.co.th/news/society/2082870)
Powered by Translations.com GlobalLink OneLink Software